ตรัง ปิดถนนทางเข้าออกทำชาวบ้านผู้ใช้ถนนเดือดร้อนเข้าออกไม่ได้ วิ่งแจ้งตำรวจ ฝ่ายปกครองลงไกล่เกลี่ย หาทางแก้ปัญหา ชาวบ้านสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในที่ดินตามเอกสาร นส. 3 ก , สค.1 นายอำเภอกันตังมอบปลัดไกล่เกลี่ยเปิดทางใช้ชั่วคราวก่อน จนกว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัด สอบเขตทางสาธารณะ อบต.ทำเป็นถนนถาวรตามขั้นตอน
ที่บ้านคลองชี้ล้อม หมู่ที่ 1 ตำบลคลองชีล้อม อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ชาวบ้านร้องเรียนผู้สื่อ กรณีพิพาททางเข้าออก ซึ่งอ้างว่าใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ หรือใช้มานานราว 70 ปี โดยเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 65 เพื่อนบ้านที่อยู่ต้นทางได้นำเสาปูนซีเมนท์ ลวดหนาม เชือก มาปิดทางเข้าออก จนทำให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านในเดือดร้อน คนที่มีรถยนต์ไม่สามารถขับสัญจรได้ตามปกติ เช่น ผู้ที่ทำงานในเมือง ชาวสวนที่จะขนปุ๋ยใส่ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ทำให้ได้รับความลำบาก ชาวบ้านต้องอาศัยเดินเท้าหรือรถจักรยานยนต์ เข้าออกเส้นทาง ชาวบ้านกลุ่มนางบุญราย บุญศรี และญาติ ๆ ได้รับผลกระทบจากการปิดถนน ได้นำเอกสาร นส.3ก และ เอกสาร สค.1 ให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งในเอกสาร นส.3ก ที่ชาวบ้านแสดงนั้น ระบุมีทางสาธารณะปรากฏในภาพแผนที่ที่ดิน ส่วนฝั่งนางปิ่นอนงค์ แจ่มสว่าง เจ้าของบ้านและที่ดินต้นทางที่ทำการปิดถนนโดยเอาเสาปูนซิเมนต์และลวดหนาม โดยอ้างว่าถนนที่ชาวบ้านผ่านไปมานั้นเป็นที่ดินของพ่อซึ่งเป็นอดีตกำนันตำบลนี้ ชาวบ้านข้างในใช้สัญจรไปมาหลายปีแล้ว ตนเองต้องการออกโฉนดที่ดินจึงทำเรื่องให้เจ้าหน้าที่ที่ดินกันตังมาทำการรังวัดเพื่อออกเป็นโฉนด เมื่อรังวัดเสร็จตนเองก็ให้เจ้าหน้าที่ที่ดินปักหมุดที่ดินแล้วขึงลวดหนามทำให้เห็นว่าตนเองปิดถนน อันที่จริงไม่ใช่ แต่ทางสาธารณะต้องขยับไปอีก
นางบุญราย บุญศรี อายุ 63 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการปิดทาง กล่าวว่า คนที่ปิดทางเข้าออกไม่ได้นำเอกสารมาแสดงว่าเป็นเจ้าของที่ดิน คงจะมีเป็น นส.3 เช่นเดียวกัน โดยเขาปิดทางเมื่อตอนเที่ยงวันพฤหัสบดี(4 มีนาคม 65) ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางนี้ได้รับความเดือดร้อน บางคนขับรถยนต์ออกไปทำงานในตัวเมืองก็ไปไม่ได้ แต่จักรยานยนต์ก็พอผ่านไปได้ โดยตนอนุโลมให้รถจักรยานยนต์ และ ชาวบ้านเดินผ่านไปทางที่ดินของตนชั่วคราว โดยก่อนนี้มีพนักงานที่ดินและ อบต.ลงมาในพื้นที่เพื่อจะรังวัดพื้นที่ทางสาธารณะเพื่อทำถนน ซึ่งเมื่อนำรถมาเปิดทางปรากฎว่าจะมาเกลี่ยเปิดทางเฉพาะในที่ดินของตน ไปได้เข้าไปในที่ดินของอีกฝั่งเลย ตนจึงคัดค้าน เท่าที่ทราบทางสาธารณะตรงนี้มีความกว้าง 4 เมตร แต่กำนันคนเก่าจะขยายเป็น 8 เมตร โดยจะรื้อบ้านของตน ตนจึงไม่ยอม เพราะบ้านตนมีเอกสาร นส.3ก
นายเรียม ทองขาว อายุ 74 กล่าวว่า ตนอยากให้เปิดทางสัญจรเพราะลูกตนทำงานธนาคารในตัวเมือง ต้องขับรถยนต์เดินทางทุกวันเพื่อไปทำงาน แต่เมื่อปิดทางเช่นนี้ลูกจะขับรถออกไปทำงานก็ไม่ได้ ตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน วันนี้จึงตัดสินใจไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.กันตัง พร้อมด้วยกำนัน
ซึ่งฝั่งของเจ้าของที่ดินต้นทาง ที่ปักเสาซีเมนต์และขึงลวดหนาม ชี้แจงและอ้างสิทธิ์ในที่ดินของตัวเองเช่นกัน นางปิ่นอนงค์ แจ่มสว่าง อายุ 32 ปี (เจ้าของที่ดินต้นทาง) กล่าวว่า ตนได้เดินเรื่องขอออกโฉนดกับสำนักงานที่ดินอำเภอกันตัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ดินได้มารังวัดและลงหมุดโฉนดให้ ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้โฉนด เพราะบ้านอีกหลังที่อยู่ตรงกันข้าม ได้ไปแจ้งว่าเป็นทางพิพาท ตนอยากให้ทางสำนักงานที่ดินมาตรวจสอบที่ดิน ว่าของใครมีขอบเขตแค่ไหน ทางสาธารณะอยู่ตรงไหนกันแน่ เรื่องจะได้จบๆกัน
โดยผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยังนายอำเภอกันตัง และให้ทางนายอำเภอได้ทราบถึงความขัดแย้ง และ ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เกิดขึ้น ซึ่งนายอำเภอกันตังได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอ และผู้นำท้องที่ นายกอบต.ลงมาแนะนำ ทำความเข้าใจกับชาวบ้านทั้งสองฝ่าย เพื่อลดความดึงเครียดลง โดยให้เปิดเส้นทางชั่วคราวเพื่อให้รถยนต์ รถจักรยานยนต์สามารถสัญจรไปมาได้ ยามมีคนไข้เจ็บป่วยไปยังโรงพยาบาลได้
นายวีระภัทร พร้อมมูล ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.กันตัง กล่าวว่า ตนได้ไกล่เกลี่ยกับบ้านต้นทาง ที่ปิดทางเข้าออกให้เปิดทางเป็นการชั่วคราว ให้ชาวบ้านได้สัญจรก่อน หลังจากนี้ทางอำเภอจะหารือกับเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอกันตัง อบต.คลองชีล้อม เพื่อหาแนวเขตที่ถูกต้องต่อไป โดยจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด เบื้องต้น ซึ่งทางฝ่ายที่ดินต้นทางยินยอมให้ใช้เป็นการเฉพาะกิจก่อน จนกว่าจะพิสูจน์ความชัดเจนของทางสาธารณะ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: