ตรัง-สุดเจ๋ง ชายวัยใกล้เกษียณใช้วิชาความรู้ด้านช่าง ตกแต่งรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ด้วยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ สำหรับชาร์จไฟแทนไฟฟ้า ลงทุนแค่ 10,000 บาท เที่ยวได้ทั่วไทย ไม่ง้อน้ำมัน ไม่จ่ายค่าไฟ ไม่สร้างมลพิษ ลดโลกร้อน
ผู้สื่อข่าวผ่านไปร้านจำหน่ายข้าวแกง “ครัวสิริกร” ถนนคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง พบเป็นรถจยย.ไฟฟ้าที่มีการติดตั้งแผงโซลาเซลล์ไว้จำนวน 2 แผง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยนายภราดร อัครฐิติ อายุ 58 ปี ชาว จ.ชุมพร ประกอบอาชีพทำสวนมะพร้าว ซึ่งได้นั่งรับประทานอาหารภายในร้าน โดยบอกว่า เป็นเจ้าของรถและออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทยด้วยรถคันดังกล่าว พร้อมนำชมรถของตัวเอง โดยบอกว่า ตนเองออกเดินทางท่องเที่ยวจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี มาตั้งแต่ต้นปี 2566 ลงมาเรื่อยขึ้นภูเขาพลายดำ ที่ อ.ขนอม เข้าทาง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เรื่อยไปถึง อ.ระโนด จ.สงขลา จากนั้นวกเข้ามาสะพานเอกชัย ถนนเส้นทางข้ามทะเลสาบเชื่อม จ.พัทลุง – จ.สงขลา จากนั้นมาขึ้นเขาบรรทัด จ.พัทลุง มาถึง จ.ตรัง เป้าหมายจากจ.ตรังก็จะไปเรื่อยๆ เข้า จังหวัดกระบี่ และจังหวัดอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ
โดยนายภราดร บอกว่า ตนเองถึงวัยที่จะท่องเที่ยวได้แล้ว จึงออกเดินทาง จากเมื่อก่อนเคยเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ แต่สามารถแวะท่องเที่ยวได้เฉพาะสถานีรถไฟที่จอดแวะเท่านั้น จะไม่สามารถไปท่องเที่ยวซอกแซ็กที่อื่นๆระหว่างจอดแวะที่สถานีรถไฟได้ จึงวางแผนไว้ว่า หลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้น และรัฐบาลเปิดให้มีการท่องเที่ยวได้ จะออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งในวัยนี้ เพราะหากเลยจากนี้ไปประมาณ 2-3 ปี ก็อาจจะเดินทางไม่ไหว อาจต้องอยู่กับบ้านแล้ว จึงวางแผนให้เป็นการท่องเที่ยวแบบประหยัด ได้ออกกำลังกายด้วย และตนเองมีความรู้ด้านช่างด้วย จึงได้ลงทุนซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามา 1 คัน เลือกเอาขนาด 24 โวลล์ ในราคา 5,000 บาท , แผงโซลาเซล สั่งซื้อทางออนไลน์ จำนวน 2 แผง ๆละประมาณ 1,000 บาท รวมประมาณ 2,000 บาท, ซื้อแบ็ตเตอร์เสริมอีกจำนวน 6 ก้อน รวมประมาณ 3,000 บาท เบ็ดเสร็จทั้งหมดประมาณ 10,000 บาท โดยรถวิ่งได้ช้าประมาณ 20 กม./ชม. สามารถใช้ชาร์ตโทรศัพท์ได้ด้วย เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีโทรศัพท์ไว้ใช้ ซึ่งรถของตนถูกต้องตามกฎหมายอีกเอกสารเกี่ยวกับรถ และการจดทะเบียน เสียภาษีทุกปี โดยได้ออกเดินทางมาตั้งแต่ต้นปี 2566 หลังผ่านพ้นช่วงโควิด และรัฐเปิดให้ท่องเที่ยว พร้อมสัมภาระในการเดินทาง ประกอบด้วย เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เป็นต้น หากฝนตกหรือฟ้าครึ้มแสงแดดไม่ดี จะเป็นอุปสรรค แต่การท่องเที่ยวของตนซึ่งตัวคนเดียวไปแบบเรื่อยๆ ชมธรรมชาติ แวะได้ตลอด ไม่ได้รีบร้อนไปไหน ออกจากจังหวัดตรัง เป้าหมายก็จะมุ่งหน้าไปทางจ.กระบี่ ไปได้เรื่อยๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น ทั้งปั๊มน้ำมัน วัด รีสอร์ทต่างๆ เป็นต้น
นายภราดร บอกเหตุผลส่วนตัว อีกว่า สาเหตุที่เลือกท่องเที่ยวด้วยวิธีการนี้ คือ ประหยัด ลงทุนครั้งเดียวเที่ยวได้ทั่วไทย ประหยัดค่าน้ำมัน ประหยัดไฟฟ้า เพราะใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากแผงโซล่าเซลล์ ไม่สร้างมลพิษ ลดโลกร้อน ซึ่งหากท่องเที่ยวด้วยการขับรถจักรยนต์ทั่วไป เฉพาะค่าน้ำมันวันละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทแน่นอน แต่แบบของตนลงทุนหมื่นเดียวเที่ยวได้ทั่วไทย และต้องการให้ร่างกายตัวเองแข็งแกร่งด้วย เพราะเช้าๆหากแดดยังไม่ออก ก็จะออกเดินจูงรถจักรยานยนต์ไปเรื่อยๆ ประมาณ 3-5 กม. กว่าแดดจะออกจัด ชาร์ตแบตเตอร์รี่ได้ก็เดินไปออกกำลังกายไปได้แล้วประมาณ 4-5 กม. ได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วย หมวกมีแต่ก็ไม่ใส่เช่นกัน แดดจะทำให้ร่างกายเรามีภูมิต้านทาน ตอนเย็นตอนแสงอ่อน จะเดินจูงอีกครั้งซึ่งไกลหน่อย กว่าจะไปถึงที่พักข้างหน้า ก็ได้ออกกำลังกายอีก บางครั้งตอนเย็นได้เดินประมาณ 6-10 กม. ต่อวันสามารถออกเดินทางท่องเที่ยวไปได้ประมาณ 30 กม. ทั้งนี้ ออกจากมาจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณมาถึงจ.ตรัง ก็ออกเดินทางมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ต้นปี 2566 ซึ่งตั้งใจท่องเที่ยว รัฐก็ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนตัวก็มีตังค์พอให้ออกท่องเที่ยว ได้อุดหนุนแม่ค้าพ่อค้าไปได้ตลอดทาง ขับรถผ่านไปใครพบเห็นก็ขอถ่ายภาพ ทั้งชาวไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติ บางคนมาขอความรู้ในการตกแต่งรถ และถือว่าเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานทางเลือกกันมากขึ้น เพราะเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างดี ลงทุน 10,000 เดียวเที่ยวได้ทั่วไทย พร้อมกับบอกไปยังคนไทยทั้งประเทศว่า ประเทศไทยเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งวัดวาอาราม มัสยิด สถานีรถไฟ ปั๊มน้ำมันริมทาง รีสอร์ทห้องพัก สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางได้ตลอด อยากให้คนไทยทุกคนรักบ้านเมือง รักประเทศไทยเรา
