X

ตรัง-เกษตรกรผู้เลี้ยงโคพรีเมี่ยมในจ.ตรัง ตบเท้ายื่นหนังสือประธานคณะกมธ.การเกษตรและสหกรณ์แก้ปัญหาระบบราชการแก้โรคปากเท้าเปื่อยในโค ทำเกษตรกรเดือดร้อน โคป่วย ตาย จำนวนมาก

ตรัง-เกษตรกรผู้เลี้ยงโคพรีเมี่ยมในจ.ตรัง ตบเท้ายื่นหนังสือประธานคณะกมธ.การเกษตรและสหกรณ์แก้ปัญหาระบบราชการแก้โรคปากเท้าเปื่อยในโค ทำเกษตรกรเดือดร้อน โคป่วย ตาย จำนวนมาก กระทบการค้า ปศจ.ชี้ช่องให้เคลื่อนย้ายสัตว์เถื่อนไปขอใบอนุญาตเคลื่อนย้ายจากจังหวัดอื่น ทำเกษตรกรงง. ทำไมชี้ช่องให้ทำผิดกฎหมาย ขณะที่ประธานกมธ.การเกษตรฯ ระบุ เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลโรคระบาดและให้คำแนะนำเกษตรกรนดูแลรักษาสัตว์ป่วยและการเตรียมการรับมือโรคระบาด เป็นเรื่องข้าราชการควรทำ กวดชื่นชม ไม่ใช่ตั้งกรรมการสอบ แต่จะดูรายละเอียด หากไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถยื่นเรื่องต่อกมธ.ได้  

ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพรีเมี่ยมประมาณ 10 คน จากอ.รัษฎา ,อ.ห้วยยอด และอ.วังวิเศษ จ.ตรัง นำโดยนายประดิษฐ์ คงดี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอ่างเก็บน้ำห้วยนาง นายสายัญ สุขแก้ว ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงโคพรีเมี่ยมและโคพื้นเมือง อ.รัษฎา รวมทั้งนายพรชัย สุวรรณอัมพร นายกเทศมนตรีตำบลห้วยนาง เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เพื่อเรียกร้องการแก้ปัญหากรณีการระบาดของโรคปากเท้าเปื่อยในโคที่จ.ตรัง และปัญหาการทำงานของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตรังในการออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์เพื่อการค้าขาย กรณีที่เกษตรกรมีการกักกันสัตว์ตามกำหนดเวลาการปลอดเชื้อ ที่กำหนดไว้ในระเบียบของกรมปศุสัตว์ครบถ้วนแล้ว แต่ไม่ออกใบอนุญาตการเคลื่อนย้ายให้ส่งผลทำให้กลุ่มเกษตรกรไม่สามารถส่งโคป้อนโรงงานได้ตามกำหนดระยะเวลา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของบริษัทกับกลุ่มเกษตรกร ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาทั้งการนำเข้าโคเถื่อนระบาด ปัญหาโคราคาตกต่ำ ปัญหาตลาดที่เกษตรกรต้องขวนขวายหาเอง หลังราชการมีการส่งเสริมการเลี้ยงแต่ไม่มีตลาดรองรับ ปัญหาการพัฒนาคุณภาพเนื้อ ซึ่งทั้งหมดเกษตรกรดิ้นรนแก้ปัญหาด้วยตัวเองจนประสบความสำเร็จเป็นโคพรีเมี่ยมที่มีตลาดรองรับ แต่มาประสบปัญหาด้วยขั้นตอนและวิธีการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนหนัก โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคพรีเมี่ยมยืนยันว่า ปัญหาการระบาดของโรคปากเท้าเปื่อยในโคจ.ตรัง เกิดเฉพาะกับโคพื้นเมืองที่มีการเลี้ยงแบบปล่อยทุ่ง แต่โคพรีเมี่ยมเป็นโคผสมสายพันธุ์ต่างประเทศเลี้ยงในระบบปิด มีการพัฒนาสายพันธุ์ เลี้ยงรั้วรอบขอบชิด ให้อาหารที่มีการพัฒนาไม่มีการปล่อยทุ่ง ไม่ได้มีการติดเชื้อโรคระบาดแต่อย่างใด

ด้านนายประดิษฐ์ คงดี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอ่างเก็บน้ำห้วยนาง และเกษตรกรรายอื่นๆ บอกว่า พวกตน กับเกษตรกรหลายจังหวัด เช่น ปัตตานี พัทลุง สตูล ตรัง และนครศรีธรรมราช จับมือกันสร้างเครือข่าย เพื่อยกระดับและพัฒนาการเลี้ยงโค จนเป็นโคพรีเมี่ยม และมีตลาดการค้าร่วมกัน คือ บริษัทใหญ่ที่จ.นครปฐม เมื่อโคโตส่งขายได้ก็รวมกลุ่มกันขายไปรถคันเดียวกัน คนขับคนเดียวกัน แต่ในการเคลื่อนย้ายโคเกษตรกรแต่ละจังหวัดก็ต้องขอใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดใครจังหวัดมัน โดยโคทุกตัวเมื่อเสนอขายจะต้องปฏิบัติตามระเบียบคือ จะต้องทำการกักโรคเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 20 วัน ซึ่งพวกตนกักไว้เป็นเวลา 30 วัน โดยครั้งนี้เจรจาการขายกับบริษัทที่รับซื้อ เสนอส่งโคให้ถึงบริษัทในวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา จำนวน 5 ตัว จากจ.ปัตตานี, พัทลุง และตรัง ตนแจ้งขออนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม แต่ปศุสัตว์ไม่ออกใบอนุญาตให้ ทวงถามก็ไม่มีคำตอบบอกให้รอ จนใกล้จะถึงวันกำหนดส่งมอบโค มาตอบวันที่ 14 ธันวาคมว่าส่งไปไม่ได้ ปศุสัตว์จังหวัดไม่ออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายให้ เพราะเป็นพื้นที่ระบาดของโรค แต่โคพวกตนปราศจากเชื้อเพราะกักโรคมาเป็นเวลา 30 วันแล้ว สุดท้ายทางกลุ่มส่งโคป้อนโรงงานไม่ได้ มูลค่าความเสียหายประมาณ 500,000 บาท แต่เสียเครดิตทางการค้า ทำให้บริษัทขาดความเชื่อมั่น และอาจส่งผลต่อตลาดในอนาคต สงสัย ทำไมไม่แจ้งพวกตนตั้งแต่ต้นจะได้แจ้งบริษัท ไม่ต้องเสนอขาย และการระบาดของโรคไม่มีการแจ้งเตือนเกษตรกร ทั้งๆที่พบการระบาดตั้งแต่เดือนตุลาคม มาแจ้งเตือนหลังจากมีสื่อนำเสนอข่าวเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พวกตนเข้าพบปศุสัตว์จังหวัดตรัง พูดคุยปัญหาเรื่องนี้ ปรากฏว่าปศุสัตว์จังหวัดแนะนำให้พวกตนเคลื่อนย้ายสัตว์แบบผิดกฎหมายขึ้นรถจากตรัง ไปขออนุญาตการเคลื่อนย้ายที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดพัทลุง ซึ่งพวกตนก็งงมาก ไม่เข้าใจปศุสัตว์จังหวัดชี้ช่องให้พวกตนทำผิดกฎหมาย เคลื่อนย้ายสัตว์เถื่อนไปสำแดงเท็จใบอนุญาตเคลื่อนย้ายที่จังหวัดอื่นได้อย่างไร เมื่อพวกตนทักท้วงถามว่า ถ้าพวกตนย้ายเถื่อนเจ้าหน้าที่จับกุมใครจะรับผิดชอบ ปศุสัตว์จังหวัดได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบคำถาม

ทางด้านนายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา บอกว่า จากการสอบถามทุกฝ่ายทำให้ทราบว่า ได้เกิดโรคระบาดปากเท้าเปื่อยในโคของเกษตรกร มาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาในพื้นที่อ.ห้วยยอด แต่ปัญหาคือ ทางปศุสัตว์จังหวัดตรังไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรให้รับรู้ แต่มีการปกปิดข้อมูล จึงทำให้เกิดระบาดขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นจากโคเจ็บป่วยไม่กี่ตัวกลายเป็นลุกลามป่วยนับพันตัว และมีวัวตายเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงควบคุมการระบาดอย่างทันท่วงที และบอกว่า ยา วัคซีนขาดแคลน ให้ชาวบ้านหาวิธีการรักษาเอาเอง จนทำให้เชื้อระบาดขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นไปในหลายหมู่บ้าน หลายตำบล รวมทั้งลุกลามไปอำเภอรัษฎา และพื้นที่ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช จึงทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก โดยได้โทรศัพท์สายตรงถึงปศุสัตว์จังหวัดตรังแล้วกำชับให้เร่งแก้ปัญหา และทราบว่าในสัปดาห์หน้าทางกรมปศุสัตว์จะระดมส่งเจ้าหน้าที่ลงมาดูแลด้วย

ส่วนกรณีที่ลูกน้องผู้ปฏิบัติงานให้ข้อมูลการระบาดและแนะนำวิธีการดูแลรักษาสัตว์ป่วยและการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดแก่เกษตรกรผ่านสื่อที่สอบถามข้อมูล แต่ถูกออกเป็นคำสั่งจังหวัดตรัง ตั้งกรรมการสอบว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกรมปศุสัตว์ นายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา บอกว่า ต้องรอดูว่าเขาจะสอบออกมาอย่างไรหรือว่าเรียกไปสอบถามข้อเท็จจริง ต้องรอดูและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มาร้องกับคณะกรรมาธิการฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ แต่เรื่องการให้ข่าวกับสื่อ ที่เป็นข้อมูลความจริงในการระบาดของโรคส่วนตัวเห็นว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร และเป็นเรื่องที่ต้องขอชมเชยด้วยซ้ำ อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดหรือกระทบต่อภาพลักษณ์ เพราะเราเป็นข้าราชการของประชาชน ต้องแก้ปัญหาให้ประชาชน และตอนนี้ประชาชนก็เดือดร้อน และเรื่องโรคระบาดนี้ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องจับมือ ร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ยุติลงได้ และทราบว่าในสัปดาห์หน้าทางกรมปศุสัตว์จะระดมทีมควบคุมโรคจากกรมปศุสัตว์มาจังหวัดตรัง เพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยเร่งด่วนรวมทั้งวัคซีนต่างๆด้วย โดยเฉพาะปศุสัตว์จังหวัดจะต้องตื่นตัวทำงานเชิงรุกและเร่งลงพื้นที่ให้มากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ ตอนแรกจะนำปัญหาไปอภิปรายในสภาด้วยซ้ำ แต่จะให้เวลาทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ปัญหาก่อน เชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันจะมีทางออก แต่ในเบื้องต้น เมื่อเกษตรกรมายื่นกับตนในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ตนก็จะต้องนำเข้าตามระบบ เข้าที่ประชุมและก็จะถก ปัญหานี้และอาจจะมีหนังสือกลับมาถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตรังให้ติดตามแก้ไขปัญหา และให้รายงานไปให้คณะกรรมาธิการฯได้รับทราบ และหากแก้ปัญหาไม่ได้ตนก็จะรายงานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา นายกฤษณ์ วีระวงศ์ ปศุสัตว์จังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ลงนามคำสั่งจังหวัดตรัง ที่ 22/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเจ้าพนักงานสัตวบาลสำนักงานปศุสัตว์อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง คนหนึ่ง ให้ข้อมูลกับสื่อเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโรคและให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการดูแลรักษาสัตว์ป่วยและการรับมือกับโรคระบาดไปยังเกษตรกร แต่ถูกตั้งกรรมการสอบ โดยวงในระบุว่า สอบเพื่อจะให้ออกจากราชการ โดยระบุว่าการให้ข้อมูลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกรมปศุสัตว์ โดยให้คณะกรรมการเรียกสอบ ข้อเท็จจริงเบื้องต้น และมีอำนาจหน้าที่ เรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนเรียกหาเอกสารหลักฐานประกอบการดำเนินงาน พร้อมทั้ง มีหน้าที่ตรวจคำให้การและหลักฐาน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและรายงานผลการตรวจสอบภายใน 15 วัน ทำการ เพื่อรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดตรังทราบต่อไป โดยกำหนดเรียกเจ้าพนักงานสัตวบาลคนดังกล่าวเข้าสอบปาหกคำในวันจันทร์ที่ 13 มกราคมนี้

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน