ชายวัย 54 ขี่รถจักรยานยนต์จากจังหวัดราชบุรี ไปเลือกตั้งที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขากลับหลงทางมาอยู่จังหวัดนนทบุรีไปต่อไม่ไหว สุดท้ายเผยไม่ได้เลือกตั้งเพราะไม่มีรายชื่อ
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 15 พ.ค.66 อาสาสมัครชาลีกรุงเทพ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบชายพลัดหลงมาจากจ.ประจวบคีรีขันธ์ มาอยู่บริเวณส่วนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถนนแจ้งวัฒนะขาเข้า ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จึงรุดเข้าช่วยเหลือ
เมื่ออาสาสมัครไปถึงพบชายทราบนามต่อมาคือนายปกรณ์ อายุ 54 ปีในบัตรระบุเป็นชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กถ 1729 ประจวบคีรีขันธ์ จอดอยู่ ในขณะเดียวกันผู้แจ้งคือนายณัชพล บุญสา อายุ 30 ปีได้ซื้อข้าวและน้ำให้นายปกรณ์ กินในระหว่างรออาสาสมัครมาถึง
นายปกรณ์ กล่าวว่าตนเองเป็นคน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่กำเนิดและเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านพี่สาวที่ อ.ปากท่อจ.ราชบุรี ได้ประมาณ 3 ปีจนกระทั่งเช้าวันที่ 14 พ.ค.66 ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแต่เมื่อไปถึงตรวจสอบไม่มีรายชื่อโดยนำบัตรประจำตัวประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีรายชื่อในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตนเองเข้าใจว่าสิทธิ์ของตนอาจจะอยู่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงขี่รถ จยย.คู่ใจ จาก อ.ปากท่อ จ.ราบุรี ไปยังอ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทันที แต่เมื่อไปถึงตรวจสอบแล้วทางเจ้าหน้าที่บอกไม่มีรายชื่อในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งอีกเหมือนเดิม ซึ่งตนเองยังถามเจ้าหน้าที่ว่าแบบนี้ตนเองจะเสียสิทธิ์หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าลุงไม่เสียสิทธิ์ ผิดที่ทางเจ้าหน้าที่เองที่หาชื่อลุงไม่เจอ จึงตัดสินใจขี่ จยย.ออกจาก อ.บางสะพาน มุ่งหน้ากลับ อ.ปากท่อ แต่หลงทางขี่ไปถึงเขตบางนา วนมาอยู่บริเวณห้าแยกปากเกร็ด เริ่มอ่อนเพลียและง่วงเลยจอดนอนพัก ซึ่งตัวเองก็ยอมรับว่าไม่ได้กินข้าวมา 2 วันน้ำมันรถก็จะหมด มีเงิน 500 บาทติดตัวไปใช้เติมน้ำมันจนหมดแล้ว จนกระทั่งมีคนมาเจอและสอบถามที่มาที่ไปดังกล่าว
นายณัชพล เป็นเจ้าหน้าที่งานก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูกล่าวว่าตนเองได้รับแจ้งจากคนงานว่าพบเห็นชายขี่รถ จยย.มาจอดอยู่ในสถานที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า เกรงว่าจะเป็นบุคคลมาขโมยของจึงเดินทางเข้ามาตรวจสอบ แต่เมื่อมาถึงพบว่าลุงนั้นนอนหลับอยู่ท่าทางอ่อนเพลีย จึงสอบถามที่มาที่ไปจนทราบว่าไปเลือกตั้งที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาและจะเดินทางกลับบ้านที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี แต่หลงทางจึงมาจอดนอนในจุดดังกล่าวหลังจากทราบเรื่องจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้มาช่วยเหลือ
ต่อมาทางอาสาสมัครได้มีการโทรศัพท์ไปหาญาติของนายปกรณ์ เป็นพี่สาวแจ้งว่าจะมารับตัวนายปกรณ์กลับในช่วงเช้า ทางอาสาสมัครจึงได้พานายปกรณ์ พร้อมรถ จยย.ไปพักที่พักของศูนย์กู้ภัยก่อน ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้คำนวณระยะทางที่นายปกรณ์ ขี่ จยย.หลงทางในครั้งนี้ตั้งแต่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ไปยัง อ.บางสะพานจ.ประจวบคีรีขันธ์ ไป-กลับ และขี่ วนไปถึง เขตบางนา จนมาสุดที่ อ.ปากเกร็ด ระยะทางร่วม 1,000 กิโลเมตร
