กรุงเทพฯ – โฆษกรัฐบาล เผย นายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงาน เตรียมมาตรการลดค่าครองชีพ ช่วยเหลือประชาชน จากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ขณะที่ กบน.ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลุ่มโซฮอล หนุนราคาขายปลีกลดลง แนะประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัด
วันที่ 8 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ขณะนี้ราคาตลาดโลกยังมีทิศทางปรับขึ้น ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.65 มีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำดีเซลลิตรละ 1 บาท เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังคงผันผวน
โดยราคาน้ำมันดีเซล (Gas Oil) อยู่ที่ 158.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (2 มิ.ย.65) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ 149.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (27 พ.ค.65) เป็นผลมาจากการออกมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป ที่ตกลงจะห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย การเปิดประเทศของจีน ตลอดจนปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลง การปรับราคาดังกล่าวเป็นการทยอยปรับขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากนัก ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซล ปรับจากลิตรละ 32.94 บาท เป็นลิตรละ 33.94 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กบน. ได้ปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภทแก๊สโซฮอล 91 และแก๊สโซฮอล 95 ลงลิตรละ 93 สตางค์ (เดิมจัดเก็บลิตรละ 1.02 บาท เหลือ 9 สตางค์) และ E20 ลดลงลิตรละ 94 สตางค์ (เดิมจัดเก็บลิตรละ 12 สตางค์ ปรับเป็นให้การชดเชย 82 สตางค์) เพื่อลดผลกระทบกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน
ทั้งนี้ ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบัน วันที่ 5 มิถุนายน 2565 ติดลบ 86,028 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 50,147 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 35,881 ล้านบาท
“การปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 1 บาท เป็น 34 บาท เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถดูแลราคาขายปลีกดีเซลในประเทศไม่ให้สูงเกินไป พร้อมทั้งหนุนให้ราคาขายปลีกในกลุ่มแก๊สโซฮอลลดลง นายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกหน่วยงาน เตรียมมาตรการลดค่าครองชีพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ไว้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในโอกาสต่อไป อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนช่วยกันใช้พลังงานอย่างประหยัด เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ภาวะน้ำมันแพงทั่วโลก จะสิ้นสุดลงเมื่อไร” นายธนกร กล่าว
