กรุงเทพฯ – กฟผ. แจง บริหารจัดการผลิตไฟฟ้า ยึดหลักกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมรักษาเสถียรภาพระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ
วันที่ 28 เมษายน 2566 นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงการดูแลผลกระทบประชาชนเรื่องค่าไฟฟ้า ว่า กฟผ. ใช้หลักการบริหารจัดการเดินเครื่องเพื่อผลิตไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนเชื้อเพลิงราคาต่ำที่สุดก่อน จนถึงเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนสูงขึ้นตามลำดับ โดยเงื่อนไขการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้า กฟผ. ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ
สำหรับค่าไฟฟ้างวด เดือน ม.ค.-เม.ย.66 กฟผ. ได้สั่งการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั้งของ กฟผ. และเอกชน โดยพิจารณาจากต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำที่สุด ที่มีราคาซื้อไฟฟ้าตั้งแต่ 2 บาท/หน่วย ไปจนถึง 9.85 บาท/หน่วย ซึ่งปริมาณการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 6.11-9.85 บาท/หน่วย มีปริมาณน้อยมาก คิดเป็นร้อยละ 7 เท่านั้น เมื่อนำมาเฉลี่ยกับโรงไฟฟ้าอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่าแล้ว จึงทำให้ค่าไฟฟ้างวด เดือน ม.ค.-เม.ย.66 อยู่ที่ราคา 4.72 บาท/หน่วย
ทั้งนี้ การซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 6.11-9.85 บาท/หน่วย เป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันดีเซล ซึ่งราคาถูกกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วย Spot LNG ที่ราคา 7.91-11.36 บาท/หน่วย ดังนั้น คณะอนุกรรมการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน จึงพิจารณาให้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมันดีเซล แทนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงนำเข้า Spot LNG
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีสถานการณ์พลังงานปกติ อ้างอิงจากค่าไฟฟ้างวด เดือน ม.ค.-เม.ย.64 ค่าซื้อไฟฟ้าเฉลี่ยจาก 5 โรงไฟฟ้า จะเท่ากับ 2.94 บาท/หน่วยเท่านั้น
“ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กฟผ. บริหารจัดการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอย่างมีหลักการ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้าน้อยที่สุด” รองผู้ว่าการฯ กฟผ. ยืนยัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: