กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ชี้ อพยพคนไทยขึ้นเครื่องบินได้วันละ 200 คน ล่าช้า สั่งหาทางออกอื่น เตรียมเจรจาเอกอัครราชทูตอิสราเอลหาทางช่วยตัวประกันและอพยพ พ้อ ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่คนไทยต้องสังเวยชีวิต เชื่อ หลายประเทศเห็นใจ ให้ผ่านน่านฟ้าได้ 
วันที่ 12 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประชุมร่วมกับ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินต่อสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ทันที หลังกลับจากการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงประเทศไทย เมื่อช่วงเย็น
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า สาระสำคัญ คือ ความพยายามในการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล แต่การอพยพขณะนี้ ยังมีความล่าช้า และมีปัญหาในการทำการบิน เพราะถือเป็นเที่ยวบินพิเศษ ต้องผ่านน่านฟ้าถึง 10 ประเทศ ต้องใช้เวลากว่า 1 เดือน ในการขอผ่านน่านฟ้าประเทศต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ได้เร่งดำเนินให้แล้วเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง
จึงสั่งการให้ทุกเที่ยวบินของไทย เตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ (12 ต.ค.) ซึ่งรวมไปถึงสายการบินพาณิชย์ ทั้งนกแอร์ 2 ลำ และแอร์เอเชีย 2 ลำ ส่วนการบินไทยในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) จะได้คำตอบว่า จะสามารถส่งเครื่องบินมาช่วยภารกิจนี้ได้หรือไม่ เพราะสายการบินไทยไม่มีเที่ยวบินไปกรุงเทลอาวีฟ จึงยังอยู่ระหว่างการหาแนวทาง อาจให้เครื่องบินไปรอประเทศใกล้เคียงที่มีเส้นทางการบินก่อน และรออพยพคนไทยกลับมา หลังจากมีการเคลื่อนย้ายออกมาจากพื้นที่อีกครั้ง
เร่งอพยพให้เร็วขึ้น ชี้ เหลือทางอากาศทางเดียว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ สามารถนำคนไทยออกมายังพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเตรียมการอพยพกลับประเทศได้ ประมาณวันละ 200 คน หรือราววันละเที่ยวบิน ซึ่งต้องใช้เวลานานนับเดือนกว่าจะอพยพหมด จึงจะหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้การอพยพรวดเร็วขึ้น เช่น การขนแรงงานไทยไปประเทศที่ 3 เพื่อพักรอก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
แต่มีปัญหาเรื่องเอกสารหนังสือการเดินทาง ที่บางคนหนังสือเดินทางหาย หรืออยู่กับนายจ้าง อาจทำให้ไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านแดนได้ จึงส่งเจ้าหน้าที่จากไทย และสถานทูตใกล้เคียงไปช่วยงานเอกสารต่าง ๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ปัญหางานเอกสารเป็นเรื่องรอง ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแรงงานเป็นสูงสุด และจะต้องนำคนไทยกลับมาให้ได้
ส่วนการอพยพคนไทยออกมาทางบก จะต้องผ่านพื้นที่ฉนวนกาซา ซึ่งอันตราย ขณะที่ทางเรือก็อาจติดปัญหาที่จะต้องผ่านพื้นที่อันตรายเช่นกัน ทำให้การขนส่งทางเครื่องบินเป็นทางออกเดียว
สำหรับการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ พยายามกดดันทางการอิสราเอลตลอด แต่ยังจะต้องรอทางการอิสราเอลชันสูตรศพ เพื่อให้สามารถออกหลักฐานรับค่าชดเชยกรณีการเสียชีวิตได้
ไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง แต่คนไทยต้องสังเวยชีวิต เร่งอิสราเอลเจรจาปล่อยตัวประกัน
นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการเจรจาเพื่อขอให้ปล่อยตัวประกันคนไทยว่า มีการเจรจาตลอดเวลา ในทุก ๆ ช่องทางที่สามารถทำได้ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด และยังมีความหวัง เพราะไทยไม่ได้เป็นประเทศคู่ขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องเสียใจ ที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศคู่ขัดแย้ง แต่กลับมียอดผู้สูญเสียสูงสุด และเชื่อว่า หลายประเทศจะให้ความเห็นใจประเทศไทย และอนุญาตให้ผ่านน่านฟ้า เพื่อช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล
ทั้งนี้ รัฐบาลจะหารือกับ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ทางการอิสราเอล ช่วยเจรจาปล่อยตัวประกัน การลำเลียงผู้เสียชีวิต และการเคลื่อนย้ายแรงงานออกจากพื้นที่อันตรายสู่สนามบิน เพื่อเตรียมอพยพกลับ รวมถึงการขอเปิดน่านฟ้า เพื่อให้เครื่องบินสามารถไปรับคนไทยกลับมาได้
นอกจากนี้ จะขอให้ดูแลแรงงานไทย ที่ถูกนายจ้างบังคับให้ทำงาน ทั้งที่ยังอยู่ในภาวะสงครามด้วย
