ตรัง นพ.วิโรจน์ ทองโอเอี่ยม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ตรัง พรรคเพื่อไทย จัดคาราวานรถแห่ กระบะ เก๋ง จยย.พ่วงข้าง กว่า 40 คันจากบ้านน้ำราบอำเภอกันตังมายังหน้าหาดปากเมง เร่งหาเสียง 2 วันสุดท้าย
เหลือเวลาอีก 2 วันเท่านั้น ที่จะเข้าสู่วันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เหล่าบรรดาผู้สมัครต่างเร่งลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น ทั้งเดินเคาะประตูบ้าน จัดขบวนรถแห่ จัดเวทีปราศรัยย่อยกันอย่างเต็มที่ในพื้นที่เขตของผู้สมัครเอง
ล่าสุดวันนี้ 11 พ.ค.2566 นพ.วิโรจน์ฯ ผู้สมัครส.ส.ตรังเขต 4 พรรคเพื่อไทย มีการจัดขบวนคาราวานรถซาเล้ง รถยนต์กระบะ รถยนต์เก๋ง ติดป้ายผู้สมัครเขต 4 พรรคเพื่อไทย จัดขบวนรถแห่ ทั้งรถยนต์กระบะ รถยนต์เก๋ง รถสามล้อมพ่วงข้าง กว่า 40 คัน ติดป้ายเบอร์ 10 พรรคเพื่อไทย ตระเวนแห่จากพื้นที่บ้านน้ำราบอำเภอกันตังมายังบริเวณหาดปากเมง ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อขอคะแนนเสียงในเขตพื้นที่ของตนเอง พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยย่อยที่บริเวณตลาดนัดสามแยกปากเมง อ.สิเกา จ.ตรัง พบปะชาวบ้าน ชูนโยบายต่าง ๆ ของพรรคหวังอ้อนคะแนนเสียง
นพ.วิโรจน์ฯ บอกว่า เขต 4 ตรัง พรรคเพื่อไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายเรารู้แล้วว่าประชาชนต้องการเจอตัวผู้สมัคร วันนี้ได้มีการปรับกลยุทธ์จัดขบวนคาราวานรถซาเล้ง และมีผู้สมัครส.ส.ไปด้วยเพื่อพบปะพี่น้องประชาชน เพราะแนวทางการหาเสียงช่วงนี้พ่อแม่พี่น้องอยากเจอผู้สมัครเป็นอย่างมาก เพราะกระแสพรรคเพื่อไทยมาแรงมาก และยังเหลือระยะเวลาอีก 2 วัน สู่วันเลือกตั้ง และในช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม หรือที่ใคร ๆ ต่างเรียกว่าคืนหมาหอน เรา ยึดหลักว่าพรรคเพื่อไทยเราไม่ซื้อเสียงแน่นอน ถ้าหากพรรคอื่นซื้อ มันก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน ซึ่งทุกคนก็มีโทรศัพท์อยู่ ก็พยายามช่วยกันถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน และที่สำคัญจะต้องมีการตั้งผู้สังเกตการณ์ทุกหน่วย เพื่อลดปัญหาเหล่านี้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เราต้องเชื่อมั่นในประชาชนว่าเขามีความรู้ความสามารถ เขามีสติที่พอจะรู้ว่าจะต้องเลือกคนที่ดีคนที่ไม่ซื้อเสียง นั่นก็คือเราต้องเชื่อมั่นประชาชนนั่นเอง เขาเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ซื้อไม่ได้
พร้อมยืนยันหากได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้สิ่งแรกที่จะเข้ามาแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในพื้นที่ คือ ปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจ ทำอย่างไรก็ได้ให้เขากลับมามีเงินในกระเป๋า ผมเชื่อว่าแนวทางดิจิตอลวอลเลท จะกระตุ้นกำลังซื้อประชาชนได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการเติมเงินให้ประชาชนในระดับหนึ่ง ยังไงตลาดนัดคงจะคึกคักแน่นอน ปีหนึ่งเชื่อว่าจะทำให้โตได้ถึง 7 ล้านล้าน อันดับสองคือเรื่องที่ทำกินที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างอุทยานกับที่ทำกินของประชาชนเป็นปัญหามาก ทำให้ประชาชนไม่มีหลักฐานที่ดินเลย ทำให้เขาไม่มีเงิน ไม่สามารถแปลงสินทรัพย์เป็นทุนได้ นี่คือที่จะแก้ไขอย่างเร่งด่วนต่อไป.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: