อุบลราชธานี-เป็นเวลากว่าเกือบ 8 ปีแล้ว ที่สนามเลือกตั้งท้องถิ่นระดับใหญ่ที่สุดอย่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. อุบลราชธานีว่างเว้นจากการเลือกตั้งไปนาน ซึ่งวันที่ 20 ธันวาคม ปี 2563 จะเป็นครั้งแรกที่มีการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด พร้อมกันทั่วประเทศ 76 จังหวัด ในรอบ 6-8 ปี หลังจากมีการยึดอำนาจโดย คสช. ทั้งนี้จึงทำให้หลายพื้นที่มีการแข่งขันการหาเสียงอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นสภาสมาชิกองค์การบริหารหรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ซึ่ง ผศ.สุเชาวน์ มีหนองหว้า อดีตคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2563 ครั้งนี้ว่า หลังจากห่างหายจากการเลือกตั้งท้องถิ่นไปนานกว่า 8 ปี ทำให้ปัจจุบันเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่าง อาทิ 1) เยาวชนอายุ 18 – 26 ปี ประมาณ 7 ล้านคน ยังไม่เคยสัมผัสบรรยากาศการเลือกตั้งท้องถิ่น 2) เห็นปรากฏการณ์การหาเสียงรูปแบบใหม่ โดยจะมีการนำโลโก้พรรคการเมือง หรือภาพอดีต ส.ส. เข้ามาช่วยในการหาเสียง ซึ่งจากผู้สมัครนายก อบจ.อุบลฯ ทั้งหมด 7 หมายเลข มีเพียง 5 หมายเลขเท่านั้นที่ออกแรงหาเสียงผ่านหน้าผ่านตาชาวจังหวัดอุบลราชธานี
แต่ทั้งนี้เชื่อว่าสิ่งสำคัญที่เป็นจะปัจจัยทำให้ประชาชนเลือกผู้สมัครนั้นจะมาจาก 1) ชื่อเสียงของผู้สมัคร 2) พี่เลี้ยงหรือผู้มีชื่อเสียงช่วยหนุนเสริม 3) เครือข่ายสภาสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ ส.อบจ.ในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้
และ ด้าน นพพร พันธุ์เพ็ง ประธานมูลนิธิสื่อสร้างสุข ได้ร่วมวิเคราะห์ว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าผู้สมัครแต่ละหมายเลขหันมาใช้กลยุทธ์หาเสียงที่ทันสมัยมากขึ้นใช้เครื่องมือสื่อออนไลน์อย่าง Facebook และ Line ทำให้ประโยชน์และน่าสนใจ แตกต่างจากเมื่อปี 2555 ที่ยังใช้สื่อเสียงรถแห่ ใบปลิว แผ่นพับ เป็นต้น
ส่วนด้านบรรยากาศการเลือกตั้งในวันนี้(20 ธ.ค.) จะเห็นได้ว่าประชาชนตื่นตัวมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเยอะประมาณ70% ซึ่งแตกต่างกับการทำงานของ กกต. ที่ปีนี้การทำงานไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าที่ควรมากนัก โดยเฉพาะในแง่ของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้ง ทั้งนี้ กกต. เป็นองค์กรอิสระต้องกระตือรือร้นปรับตัวปรับบทบาทของตนเองให้ตื่นตัวทันสมัยสมกับเป็นองค์กรอิสระ
ต่อมาด้านการคาดการณ์ผู้สมัครหมายเลขใดจะคว้าแชมป์ในศึกครั้งนี้ นพพร พันธุ์เพ็ง เปิดเผยว่า การแข่งขันในสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี มีตัวเต็งอยู่ทั้งหมด 3 หมายเลข ซึ่งทั้ง 3 หมายเลข มีกลยุทธ์หาเสียงที่คล้ายคลึงกัน แต่ทั้งนี้ต้องย้อนมาถึงเครือข่ายที่หนุนเสริมของทั้ง 3 หมายเลข โดยที่มาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นหมายเลข 5 กานต์ กัลป์ตินันท์ ที่มีฐานเสียงจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีพรรคเพื่อไทยสามารถชนะเลือกตั้ง ส.ส. ได้ทั้งหมด 7 เขต และจากจุดนี้เองเชื่อว่าหมายเลข 5 กานต์ กัลป์ตินันท์ จะได้รับคะแนนเลือกตั้งจากฐานเสียง ส.ส. พรรคเพื่อไทยมากกว่า 30% ส่วนสำคัญที่สุดของการได้คะแนนเสียงคือหัวคะแนน
ส่วน ดร.เต็มบุญ ศรีธัญรัตน์ อดีตเทศมนตรี เทศบาลนครอุบลราชธานี กล่าวว่า ส่วนตนเองมองว่าการหาเสียงครั้งนี้ยังไม่แตกต่างมากจากอดีต พรรคใหญ่มีโอกาสทำคะแนนมากว่าเบอร์เล็ก ซึ่งจากที่ตนเองเคยอยู่ในวงการการเมืองมาก่อน เชื่อว่าการที่ผู้สมัคร นายก อบจ. จะชนะเลือกตั้งได้นั้นต้องขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์การวางตัวของแต่ละหมายเลข และนโยบายต้องชัดเจนเข้าถึงประชาชนสามารถจับต้องได้
ซึ่งทั้งนี้อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงผู้สมัคร นายก อบจ. ทุกหมายเลขว่า เมื่อได้รับชนะการเลือกตั้งแล้วอยากให้ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากว่าประโยชน์ส่วนตนพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานีอย่างที่ ส่วนประชาชนเองก็ต้องคอยจับดูความเคลื่อนไหวการทำงานนักการเมือง หากพบเห็นสิ่งที่ไม่โปร่งใสต้องท้วงติง ซึ่งถ้าทุกคนทำได้นั้นจะเป็นการยกระดับการเมืองท้องถิ่น และการพัฒนาความเจริญสู่จังหวัดอุบลราชธานีอย่างมีประสิทธิภาพ
ชิษณุพงศ์ สุนทรพาณิชย์ / เรียบเรียง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: