นราธิวาส-ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาสตรวจเยี่ยมฐานที่รือเสาะ เน้นย้ำ!เพิ่มความเข้ม รปภ.เส้นทางรถไฟ หลัง ผกร.ดักซุ่มยิงขบวนที่ 454
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางพร้อมด้วยพันเอกก่อเกียรติ เข็มแดง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองร้อยทหารพรานที่ 4608 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยพลตรีเฉลิมพรได้มอบแนวทางในการปฎิบัติให้กับกำลังพล พร้อมทั้งเน้นย้ำนโยบายและข้อสั่งการของพลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 แนวทางการใช้กำลังของชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เจ้าหน้าที่โครง ชุดคุ้มครองตำบล, การปรับปรุงฐานปฏิบัติการและทำสัญญานเตือนภัยแสวงเครื่องของทุกฐาน, การดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการร่วมทุกข์ร่วมสุข การควบคุมพื้นที่ป่าภูเขา การปฏิบัติงานเชิงรับให้สอดคล้อง การขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยบูรณาการการทํางานกับศูนย์ปฏิบัติการอําเภอ พร้อมทั้งกําชับในเรื่องการควบคุมบุคคล อาวุธ วัตถุระเบิด ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่โดยเด็ดขาด รวมทั้งการกำกับดูแลความเป็นอยู่ การกินการนอน สวัสดิการของกำลังพลให้ดี ซึ่งทุกนายต้องมีระเบียบมีวินัย ตลอดจนติดตามสถานการณ์ของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และขอให้กําลังพลทุกนาย มีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในทุกโอกาส
ทั้งนี้พลตรีเฉลิมพร ขำเขียวและคณะได้เดินทางเข้าไปยังเส้นทางรถไฟ ในพื้นที่บ้านดือแย ตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ ซึ่งกลุ่มก่อเหตุรุนแรงได้ดักซุ่มยิงขบวนรถไฟที่ 454 ต้นทางจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ปลายทางสถานีรถไฟยะลา เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 3 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา ทำให้ขบวนรถไฟได้รับความเสียหายบางส่วน แต่เคราะห์ดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
โดยพลตรีเฉลิมพร ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาสได้เน้นย้ำและสั่งการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ ปรับแผนการรักษาความปลอดภัยเส้นทางให้รัดกุมเพิ่มมากขึ้น โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งอาสาสมัครประจำพื้นที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ลาดตระเวนตลอดแนวสองข้างเป็นกรณีพิเศษ ที่สำคัญขอความร่วมมือจากผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยสามารถแจ้งเบาะแสได้ตลอด 24 ชั่วโมง
