นครพนม – ลูกหนี้ ธกส.นครพนม จุก !! ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ เหตุสาวฝ่ายสินเชื่อตัวแสบโกงเงินเล่นพนัน บางรายมีหนี้ที่ไม่ได้ก่อครึ่งล้าน
สืบเนื่องจากปี พ.ศ.2560 น.ส.ศศิธร หอมดวง หรือปุ๋ย ปัจจุบันอายุ 38 ปี พื้นเพเป็นชาว อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น อดีตพนักงานแผนกสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาท่าอุเทน จ.นครพนม ใช้ช่องว่างการเป็นพนักงานฝ่ายสินเชื่อ ซิกแซกโกงเงินลูกค้าที่มีฐานะยากจน จำนวน 30 ราย คิดเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งหลังเป็นข่าวทางผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ ก็กระตือรือร้นที่จะเอาผิดทั้งทางอาญาและแพ่งกับ น.ส.ศศิธรหรือปุ๋ย จึงมอบหมายให้ นายศรายุทธ ธรเสนา ผอ.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในฐานะกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ธ.ก.ส.จังหวัดนครพนม พร้อมความรับผิดชอบความเสียหายดังกล่าว จึงทำให้บรรดาลูกค้าที่ถูกโกงมีความสบายใจไปเปลาะหนึ่ง
ล่าสุด วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 นางประหยัด เจริญราษฎร์ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 33 หมู่ 3 ต.ท่าอุเทน ซึ่งเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ถูก น.ส.ศศิธรหรือปุ๋ยโกงเงิน หอบเอกสารร้องเรียนผู้สื่อข่าวเป็นคำรบสอง เพราะมีหนังสือจากสำนักงานใหญ่ ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ระบุชื่อนายวิทยา ปทุมาสูตร รองผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย ทำการแทนผู้จัดการ ธ.ก.ส. เป็นผู้ลงนาม ปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าความเสียหายเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเป็นการกู้ยืมเงินระหว่างกันเอง ฯ
นางประหยัดเปิดเผยว่าเดิมมีหนี้กับ ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน จำนวน 160,000 บาท ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ได้นำเงินที่เก็บสะสมมาได้ 130,000 บาท ไปชำระหนี้ โดยมี น.ส.ศศิธรหรือปุ๋ย รับเป็นภาระดำเนินการให้ ซึ่งมีปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ว่า วันดังกล่าว น.ส.ศศิธร นำเงินเข้าไปไว้ในบัญชีของนางประหยัด เพื่อชำระหนี้จริง โดยมีใบรับชำระหนี้เงินกู้(ได้ภายหลังเกิดเรื่อง) เลขที่บัญชีเงินกู้ 800130920381 ประเภทเงินกู้เงินทุนหมุนเวียน เล่มที่ 476000 เลขที่ 023 ยืนยันเป็นหลักฐาน ซึ่งในคืนของวันเดียวกันนางประหยัดได้นำเงินสดอีก 10,000 บาท ไปให้ น.ส.ศศิธร ดำเนินการใช้หนี้เพิ่ม และนางประหยัดคิดว่ามีหนี้เหลืออยู่เพียง 20,000 บาทเท่านั้น
ด้วยความเป็นพนักงานของ ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน วันรุ่งขึ้นมีเงินไหลเข้าบัญชีของนางประหยัด 220,000 บาท และถอนออกภายในวันเดียวกัน ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2560 มีเงินเข้าอีก 70,000 บาท และทยอยถอนออกตั้งแต่วันที่ 16-21มีนาคม ครั้งละ 20,000 บาท 3 ครั้ง 10,000 บาท 1 ครั้ง และวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 มีเงินเข้ามาอีก 60,000 บาท และก็ถอนออกไปหมดเช่นเดียวกัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 350,000 บาท ภายหลังทางธนาคารแจ้งให้นางประหยัดไปตรวจเช็คบัญชีเงินกู้ ก็พบว่าตนมีหนี้เพิ่มขึ้นมามากถึง 449,999 บาท โดยเฉพาะยอดหนี้ 350,000 บาท นั้น นางประหยัดยืนยันว่าไม่เคยกู้ออกมา แต่ทุกครั้งที่ น.ส.ศศิธรไปหาจะเอาเอกสารให้เซ็นประจำ ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจจึงเซ็นโดยไม่ทราบว่า น.ส.ศศิธรฯนำไปธุรกรรมด้านการเงิน ส่วนที่มีคำถามว่าทำไมสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไปอยู่ในมือของ น.ส.ศศิธรได้อย่างไร นางประหยัดเล่าว่าเพราะ น.ส.ศศิธรอ้างว่าบัตรเอทีเอ็มเป็นรุ่นเก่าถูกยกเลิกใช้ จึงมาขอสมุดบัญชีและบัตรไปออกให้ใหม่ พร้อมขอรหัสบัตรเอทีเอ็มด้วย ตนจึงเขียนรหัสบัตรเอทีเอ็มให้ไป
หลังเกิดเรื่องใหม่ตนยังมีความมั่นใจว่าทาง ธ.ก.ส.จะช่วยเหลือลูกค้าที่ถูกพนักงานของธนาคารโกงเงิน แต่เมื่อได้อ่านหนังสือจากสำนักงานใหญ่แล้วถึงกับเข่าทรุด เพราะถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ จึงต้องมาพบสื่อมวลชนช่วยเสนอข่าวให้ถึงหูลุงตู่
นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่ถูก น.ส.ศศิธรหรือปุ๋ย ใช้ความเป็นพนักงานของ ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน ไปหลอกเอาเงินในลักษณะเดียวกันกับนางสมาน นครังสุ,นางเสนอ กิตติศรีวรพันธ์ และ นางสาวอรพิน อินทุวงศ์ฯลฯ โดยเฉพาะ น.ส.อรพินทำงานเป็นข้าราชการแต่ต้องตกเป็นเหยื่อของสาวแบงค์แสบรายนี้ เพราะเกิดจากมีเพื่อนร่วมงานมีหนี้กับ ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน จำนวน 40,000 บาท ต้องการจะปิดหนี้เก่าเพื่อกู้ใหม่ จึงไปขอความคิดเห็นจาก น.ส.ศศิธรก็ได้รับคำแนะนำให้ น.ส.อรพินเป็นผู้ขอกู้เป็นเงิน 50,000 บาท หลังอนุมัติก็นำมาปิดหนี้ให้เพื่อนร่วมงาน จากนั้นจะขอกู้เพิ่มได้อีกเป็นแสน ด้วยความเชื่อใจจึงดำเนินการตามคำแนะนำ ปรากฏว่าเงินกู้ได้รับการอนุมัติ น.ส.ศศิธรนำเงินมาให้ น.ส.อรพิน 10,000 บาท โดยอ้างว่าส่วนที่เหลือจะนำไปปิดหนี้ให้เพื่อนร่วมงานคนนั้น พอเรื่องแตกจึงทราบว่า น.ส.ศศิธรไม่ได้นำเงินจำนวน 40,000 บาท ไปชำระหนี้ให้แต่อย่างใด ทำให้ น.ส.อรพินกลายเป็นหนี้โดยปริยาย นอกจากนี้ น.ส.ศศิธรยังไปหลอกให้ นางไคสี ยะสา ทำประกันชีวิตให้กับ นางพนมพร อินชูกุล ผู้เป็นลูกสาว ปีละ 12,000 บาท อ้างว่าเจ็บไข้ได้ป่วยนอนโรงพยาบาลจะได้เงินวันละ 1,000 บาท ปรากฏว่านางพนมพรประสบอุบัติเหตุเครื่องจักรตัดนิ้วมือขาด 2 นิ้ว ที่ประเทศไต้หวัน เมื่อมาขอรับเงินค่าสินไหมก็ถูกปฏิเสธ เพราะทางธนาคารแจ้งกับนางไคสีว่าจ่ายเบี้ยประกันแค่ปีแรก ส่วนปีที่สองไม่ได้จ่าย และไม่ใช่กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุตามที่ น.ส.ศศิธรอ้าง เป็นกรมธรรม์ในการเสียชีวิตอย่างเดียว ซึ่งนางไคสียืนยันว่าปีที่สอง น.ส.ศศิธรมาเก็บเบี้ยประกันถึงบ้าน จึงวิงวอนผู้บริหาร ธ.ก.ส. เห็นใจลูกค้าที่ถูกโกงด้วย เพราะทุกครั้งในการออกไปปฏิบัติหน้าที่ น.ส.ศศิธร ได้รับมอบหมายจาก ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายจักรพงศ์ โลหะ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาท่าอุเทน เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบว่าทุกอย่างจบแล้ว ตนไม่ใช่ผู้ดำเนินการเป็นหน้าที่ของสำนักงานใหญ่พิจารณา หากต้องการรายละเอียดควรสอบถามผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าตนดีกว่า
สำหรับอดีตสาวแบงค์แสบ น.ส.ศศิธร หอมดวง หรือปุ๋ย ทำงานแผนกสินเชื่อฯประมาณ 4-5 ปี จนมีความคุ้นเคยกับลูกค้าโดยเฉพาะเกษตรกร ที่ผ่านมาออกไปพบปะลูกหนี้ตามหมู่บ้าน ก็มีการฝากเงินมาชำระหนี้เป็นประจำ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะธนาคารแห่งนี้เท่านั้น แม้แต่ธนาคารอื่นก็ทำกัน เป็นการบริการลูกค้าอีกช่องทางหนึ่ง และไม่เคยมีปัญหาใดๆ ภายหลังมาทราบจากปาก น.ส.ศศิธรเองว่า ซิกแซกนำเงินของลูกค้าไปใช้เพราะติดการพนัน จนถึงขณะนี้ก็ไม่ทราบว่าการที่ ธ.ก.ส. จะดำเนินคดีกับ น.ส.ศศิธร นั้น ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว แต่มีลูกหนี้ส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่าสาวแสบรายนี้จะทำเพียงลำพังคนเดียว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: