X

ศาลประทับรับฟ้อง เจ๊บิวคนดังพร้อมพวก หลังถูกเหยื่อฟ้องร่วมกับอดีตหนุ่มแบงค์ ฉ้อโกงเงิน 7 ล้านบาท

จากกรณีที่นาย ณ พล ใบเงิน ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางมะลิ (นามสมมติ) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.หญิง จุฬารัตน์ อาจภิรมณ์ ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนมเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ให้ดำเนินคดีกับนายจิรวัฒน์ รัตนกูลวิโรจน์ (สกุลเดิม ช่างถม) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น นาย ลวัจน์ รัตนกูลวิโรจน์ นางกัญญาพัชณ์ ว่องไว นายวีระชัย ว่องไว และหจก.บุญญรินทร์ พร้อมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยกล่าวหาว่าทั้งหมดร่วมกันฉ้อโกง ต่อมาภายหลังนาย ลวัจน์ หรือจิรวัฒน์ ได้รับสารภาพ พร้อมกับให้การซัดทอดว่าได้ร่วมกันกับนางกัญญาพัชณ์ หรือ บิว ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กสมัยเรียนชั้นประถม วางแผนกันหลอกเอาเงินจากนางมะลิ ผู้เสียหายเป็นเงินเจ็ดล้านบาท โดยได้หลอกเหยื่อซึ่งมีความคุ้นเคยกันมาอยู่ก่อนแล้วเนื่องจากตัวนาย ลวัจน์ หรือจิรวัฒน์ หรือชื่อเล่นบิ๊ก ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อ ของธนาคารแห่งหนึ่ง โดยวางแผนหลอกเหยื่อว่าจะขอยืมเงิน 7 ล้านบาทเพื่อนำมาปิดบัญชีให้ลูกค้าของธนาคารที่ตนทำงานอยู่เพื่อทำการรีไฟแนนซ์ ย้ายวงเงินจากอีกธนาคารหนึ่งมากู้กับธนาคารที่นายบิ๊ก ทำงานอยู่ โดยจะขอยืมและคืนให้ภายในวันเดียวกัน ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน เหยื่อจึงหลงเชื่อจึงโอนเงินให้แก่นายบิ๊ก ทันที และเมื่อได้รับเงินแล้ว นายบิ๊กก็นำเงินทั้งหมดไปให้นางกัญญาพัชณ์ หรือบิว ทันที โดยทั้งคูมีสัญญากันว่าเมื่อได้เงินแล้วจะนำเงินไปปิดบัญชีหนี้เพื่อให้นายทุนปล่อยเงินออกมาให้อีก แต่หลังจากที่นางกัญญาพัชณ์ หรือบิว ได้เงินไปแล้วก็ไม่ยอมโอนคืนให้ทำให้ไม่มีเงินมาคืนเหยื่อ โดยเงินทั้งหมดถูกนางบิวหรือกัญญาพัชณ์ เอาไป ซึ่งนางกัญญาพัชณ์ และสามีให้การปฏิเสธ

โดยหลังจากเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำแล้ว พนักงานสอบสวนได้แยกออกเป็นสองสำนวน โดยแยกฟ้องนายลวัจน์ หรือจิรวัฒน์ หรือ บิ๊ก รัตนกูลวิโรจน์ ที่รับสารภาพสำนวนหนึ่ง และอีกสำนวนหนึ่งฟ้องนางกัญญาพัชณ์ และสามีคือนายวีระชัย ว่องไว และหจ.บุญญรินทร์ ซึ่งให้การปฏิเสธ ต่อพนักงานอัยการจังหวัดครพนม ซึ่งสำนวนแรกที่จำเลยรับสารภาพอยู่ระหว่างที่ พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติม ส่วนสำนวนที่สอง พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องจำเลยทั้งหมด

ซึ่งหลังจากที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง เหยื่อคือนางมะลิ (นามสมมติ) ก็ได้จ้างทนายความยื่นเรื่องฟ้องเองต่อศาลจังหวัดนครพนม และหลังจากศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องเสร็จแล้วจึงนัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาโดยศาลได้พิเคราะห์ พยานหลักฐานในคดีนี้แล้วเห็นว่า นาย ลวัจน์ หรือ จิรวัฒน์ หรือ บิ๊ก รัตนกูลวิโรจน์ ได้มาเป็นพยาน ให้แก่เหยื่อคือนางมะลิโดยให้การเป็นไปในทำนองเดียวกันกับโจทก์ คือนางมะลิ โดยยอมรับว่าได้มาหลอกยืมเงินไปจากเหยื่อจริง เป็นเงิน 7 ล้านบาทโดยหลอกว่าจะนำเงินดังกล่าวไปรีไฟแนนซ์ให้แก่ลูกค้าของตนและจำนำเงินมาคืนให้ในวันเดียวกัน นอกจากนั้นยังเบิกความยืนยันอีกว่า นางกัญญาพัชญ์ หรือ บิว เป็นคนวางแผนและบอกให้ตนไปขอยืมเงินดังกล่าวจากเหยื่อ โดยแนะนำว่าจะนำเงินดังกล่าวไปปิดยอดหนี้ให้กับลูกค้าเพื่อทำรีไฟแนนซ์ ซึ่งขณะนั้นนายวีระชัย ว่องไว หรือ ท่อม ก็อยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วยโดยทั้งคู่ต่างพูดจาส่งเสริมให้นายบิ๊กกระทำเช่นนั้น และหลังจากที่นายบิ๊ก หรือ ลวัจน์ หรือจิรวัฒน์ ได้รับเงินจากเหยื่อแล้ว ก็ได้โอนเงินเข้าบัญชี ของนางกํญญาพัชณ์ เป็นเงิน หกล้านสองแสนบาท ปรากฏตามหลักฐานการโอนเงินของธนาคาร ตามที่ทนายของโจทก์นำมาแสดงต่อศาล ส่วนเงินที่เหลืออีก แปดแสนบาทนายบิ๊ก ได้ถอนเงินออกจากธนาคาร และ ได้มอบให้แก่นางกัญญาพัชณ์ เป็นเงินสด อีกทั้งยังปรากฏหลักฐานว่านางกํญญาพัชณ์ ได้โอนเงินบางส่วนให้กับนายวีระชัย สามีและหจก.บุญญรินทร์ ปรากฏอยู่ในรายการเดินบัญชีของธนาคาร จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงพอมีมูลเหตุให้เชื่อได้ว่านางบิว หรือกัญญาพัชณ์ และนายวีระชัย ว่องไว ร่วมกับนายบิ๊ก หรือ ลวัจน์ หรือจิรวัฒน์ รัตนกูลวิโรจน์ กระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้อง จึงให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา และให้เรียกจำเลยทั้งหมดมาสอบคำให้การตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดนัดสืบพยานในวันที่ 24 เมษายน 2566เวลา 9.00 น.


หลังศาลมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา นาย ณ พล ใบเงิน ทนายความของโจทก์ คือนางมะลิ เปิดเผยว่า คดีนี้ โจทก์ได้ถอนฟ้อง นายลวัจน์ หรือจิรวัฒน์ หรือ บิ๊ก รัตนกูลวิโรจน์ จำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่หนึ่งยอมรับสารภาพ และยินยอมชดใช้เงินบางส่วนคืนให้แก่ผู้เสียหายแล้ว โดยจำเลยที่ 1 ได้ให้การซัดทอดว่าเงินทั้งหมดได้ถูกนางกัญญาพัชณ์ หรือบิว ว่องไว จำเลยที่ 2 และนายวีระชัย ว่องไว สามีของนางกัญญาพัชณ์ จำเลยที่ 3 เอาไป และพร้อมขึ้นให้การเป็นพยานยืนยันในศาลให้แก่โจทก์ โจทก์จึงได้ถอนฟ้องในคดีนี้ให้ และศาลได้จำหน่ายคดีไปแล้ว
โดยนางกัญญาพัชณ์ ว่องไว และสามี เคยตกเป็นข่าวดังไป ทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้กรณีที่ทั้งคู่เปิดร้านอาหารและมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งมาใช้บริการจัดงานวันเกิด และมีเรื่องร้องเรียนเรื่องราคาอาหารที่ได้อาหารไม่สมกับราคาที่จ่ายและได้ตกลงกันไว้ เช่นกระเพาะปลาหม้อละ 5 พันบาท เนื้อแดดเดียว จานละ 2 พันบาทแต่มีปริมาณน้อยมาก และน้ำแข็งในงานกว่าหนึ่งพันบาท ซึ่งทั้งคู่ได้ถูกเชิญไปออกรายการโนนกระแสของ หนุ่มกรรญชัย จนถูกวิพากวิจารณ์โด่งดังไปทั่วประเทศมาแล้ว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน