ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ แต่มีเงินซื้อปืน เกิดเหตุลูกเลี้ยงวัย 49 ปี ใช้ปืนขนาด .38 จ่อยิงพ่อเลี้ยงวัย 72 ปี เสียชีวิตขณะดูทีวีบนที่นอนในห้อง แล้วหลบหนีไป ตำรวจตามรวบตัวมาได้นำตัวไปค้นหาปืนที่ก่อเหตุ เจ้าตัวสารภาพแค้นที่พ่อเลี้ยงทวงค่าไฟฟ้าที่ตนพ่วงไปใช้เป็นประจำ ไม่ได้ตั้งใจให้ตาย แต่สุ่มยิง ไม่คิดว่าไปโดนจุดสำคัญ ไม่ขอขมา เพราะตายไปแล้ว
วันที่ 26 ก.ค.65 พ.ต.ท.ยรรยง ทองใบใหญ่ รอง ผกก.สภ.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นำตัวนายประกายเพชร หรือเพชร เกงขุนทด อายุ 49 ปี ชาว ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ไปค้นหาอาวุธปืน
ที่ใช้ก่อเหตุยิงนายน้อย (สงวนนามสกุล) อายุ 79 ปี อยู่พ่อเลี้ยงของตนเอง จนเสียชีวิตภายในบ้าน แล้วเอาปืนไปทิ้งในสระน้ำ ต่อมาตำรวจได้สนธิกำลังตามจับกุมตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนควบคุมตัวได้ในตอนเช้า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.นายเพชร ซึ่งอยู่บ้านคนละหลังกับพ่อเลี้ยง(ลูกติดเมีย)ได้ถืออาวุธปืนมาบริเวณหน้าต่างของห้องผู้ตาย แล้วจ่อยิงทะลุกระจำหน้าต่าง กระสุนไปโดนท้ายทอยของนายน้อย ขณะดูทีวีบนที่นอนภายในห้อง และเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลคูเมือง
นางวิไล อายุ 51 ปี ภรรยามือปืน บอกว่า ช่วงเกิดเหตุเห็นสามีลุกออกจากที่นอน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงวิ่งออกมาดู เห็นสามีถือปืน พร้อมบอกกับตนว่า”ให้เฉย”แล้ววิ่งออกจากบ้านไป จนกระทั่งมาทราบว่าไปยิงพ่อเลี้ยงตัวเอง ส่วนสาเหตุตนยังไม่รู้แน่ชัด เท่าที่ทราบสามีบ่นคับแค้นเรื่องโดนพ่อเลี้ยงทวงค่าไฟฟ้า ที่บ้านของตนพ่วงมาใช้ เคยบอกว่าจะไปหาทำงานเอาเงินมาจ่าย แต่มาเกิดเหตุก่อน
นายเพชร เผยหลังถูกตำรวจนำมาค้นหาอาวุธปืนของกลางว่า ยอมรับว่าได้พ่วงไฟจากบ้านพ่อเลี้ยงไปใช้ แต่ช่วงหลังไม่มีเงิน จึงจ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง ค่าไฟเพียง 700-800 บาทแต่ทวงหนัก ทั้งที่ครอบครัวตนใช้น้อยกว่า ตนจะโดนบ่นประจำโดยเฉพาะเวลาพ่อเลี้ยงเมาสุรามา
ยอมรับว่าระงับอารมณ์ไม่อยู่ ตัดสินใจใช้อาวุธปืนที่ซื้อมาจากกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ในราคา 10,000 บาท มายิงผ่านหน้าต่างบ้าน ไม่ได้ตั้งใจจะเอาชีวิต เพียงแค่อยากยิงให้สะใจเท่านั้น ไม่คิดว่าจะไปถูกจุดสำคัญ ส่วนการขอขมาศพ ตนคิดว่าไม่จำเป็นเพราะพ่อเลี้ยงตายไปแล้วไม่รู้เรื่อง
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่”
