อัยการคุ้มครองสิทธิ์ร้อยเอ็ด พาชาวบ้าน. บุกร้อง ป.ป.ช.หลังถูกเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.หลอกขณะไปยื่นกู้ทำให้เป็นหนี้บาน
พ.ต.ท.บุณถิ่น วันภักดี อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดร้อยเอ็ด นายชานนท์ ลิขิตบัณฑูร ประธานคณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสำนักงานอัยการภาค 4 และคณะ ได้พากลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการไปยื่นกู้เงิน ธ.ก.ส.สาขาเมืองบัว อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 12 ราย เป็นเงิน 12 ล้านบาทเข้าพบนายอนุชา พึ่งบุญศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อขอความเป็นธรรม ให้ปากคำในการสอบสวน และดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ทุกรายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายชานนท์ ลิขิตบัณฑูร ประธานคณะกรรมการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสำนักงานอัยการภาค 4 บอกว่า ก่อนหน้านี้ ชาวบ้าน กลุ่มดังกล่าวจำนวน 12 รายได้เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด หลังได้รับความเดือดร้อนจากการไปขอกู้เงิน จาก ธ.ก.ส. สาขาเมืองบัว มาแล้วครั้งหนึ่ง จากการไปยื่นขอกู้คนละไม่กี่แสน แต่ภายหลังมีใบแจ้งหนี้จากทางธนาคารมาที่บ้าน จึงรู้ว่าพวกตน เป็นหนี้รายละ 1- 3 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในหน่วยงานของรัฐ และเป็นคนของรัฐด้วย เบื่องต้นเราได้แนะนำให้กลุ่มชาวบ้านไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ เพื่อให้มีการสอบสวน และดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ด้านนายอนุชา พึ่งบุญศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่าในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช.วันนี้จะมีการสอบปากคำและนำมาพิจารณาว่าเรื่องที่ราษฎรมาร้องเรียน กรณีที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ากระทำความผิดหรือไม่ ถ้าหากว่าผู้เกี่ยวข้องเป็นเจ้าที่ของรัฐถือเป็นเรื่องร้ายแรง ทาง สำนักงานป.ป.ช.ร้อยเอ็ด ก็จะรับเรื่องไว้ แล้วเราจะดำเนินการเกี่ยวกับเจ้าที่ที่มีส่วนร่วมในเรื่องของการกระทำความผิด ทั้งในเรื่องของกระบวนการที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายสินเชื่ออย่างเดียว แต่เราจะพิจารณาในส่วนของการอนุมัติสินเชื่อ ว่ามีการอนุมัติถูกต้องตามระเบียบกฎหมายหรือไม่อย่างไร ในส่วนของการตรวจสอบ ถ้าหากพบว่าเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุมัติเรื่องสินเชื่อด้วย เราก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ในส่วนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนมีทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกัน
กลุ่มที่ 1 ก็คือเรื่องการปลอมลายมือชื่อ แล้วนำเงินออกไปเลย
กลุ่มที่ 2 กรณีการปลอมลายมือชื่อ ร่วมกับเกษตรกรที่มีการกู้เงินจริง
กลุ่มที่ 3 อาจจะซับซ้อนหน่อย เนื่องจากเกษตรกรมีความประสงค์ที่จะกู้เงินจริง แล้วมีการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หลอกลวงว่าถ้าจะกู้เงินให้ได้มากขึ้น จะต้องเข้าร่วมโครงการและจะต้องมีเงินนำมาลงเพิ่ม
ซึ่งในส่วนตรงนี้ทำให้เกษตรกรหลงเชื่อ กู้เงินเป็นจำนวนมาก แล้วนำเงินส่วนที่เหลือ มาส่งคืนพนักงานสินเชื่อนั้น 3 กรณี ป.ป.ช.ร้อยเอ็ด เราจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเตรียมลงพื้นที่เพื่อสอบหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพราะราษฎรได้รับความเดือดร้อนมาก
ขณะที่นายพัลลภ เกิดมีหนึ่งในผู้เสียหายบอกว่า ปัจจุบันยอดหนี้ของตนเพิ่มขึ้นจากการที่ไปยื่นขอกู้จาก ธนาคาร ธ.ก.ส. 450,000 บาท แต่ตนต้องการใช้เงินเพิ่มอีก 100,000 บาท จึงยื่นกู้และรับเงินเข้าในบัญชี 550,000 บาท แต่ภายหลังก็ต้องตกใจ เมื่อมีใบแจ้งหนี้ จากธนาคาร แจ้งว่า ตนเป็นหนี้ 2.300,000 บาท ทำเอาถึงกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ก่อน พากันเดินทางเข้าพบคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิ์ภาคประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด และทางคณะกรรมการอัยการคุ้มครองสิทธิ์ภาคประขาชน ให้ความช่วยเหลือมาแล้วหลายครั้ง และทุกคนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว
กรณีดังกล่าว ผู้ที่ทำให้ประชาชนหลายรายต้องเป็นหนี้ก้อนโต และเป็นหน่วยงานของรัฐ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงอยากให้ทางอัยการคุ้มครองสิทธิ์ และ สำนักงาน ป.ป.ช.ช่วยเหลือพวกตนด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นหนี้เท่าไหร่ก็จะใช้เท่านั้น แต่หนี้ที่พวกตนได้รับเป็นหนี้ที่ไม่ได้ก่อขึ้น จึงอยากให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกรายเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง และไปทำความเดือดร้อนกับประชาชนรายอื่นอีก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: